top of page
klangpanyath

สถาบันคลังปัญญาฯ นำคณะวิจัยจาก ม. CAU เมืองปักกิ่ง ลงพื้นที่ศึกษาดูงานการพัฒนาเด็กและผู้สูงอายุไทยในเขตเมือง เมืองหนองป่าครั่ง จ.เชียงใหม่

อัปเดตเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา




สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ นำโดย ดร. ยุวดี คาดการณ์ไกล ผู้อำนวยการสถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ  ร่วมกับ ผศ.ดร. Li Yuqing อาจารย์ Institute for International and Area Studies มหาวิทยาลัยชิงหวา ได้นำคณะวิจัยจาก College of Humanities and Development , China Agricultural University จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งนำโดย ศาสตราจารย์ Zuo Ting,รองคณบดี College of Humanities and Development,พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ Yu Lerong และรองศาสตราจารย์ Kuang Zongren ซึ่งมีความสนใจศึกษาบทบาทของท้องถิ่นในการพัฒนา ส่งเสริมและดูแลเด็กและผู้สูงอายุในชุมชนเมืองของไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและเรียนรู้นำไปต่อยอดขยายผลการพัฒนาผู้สูงอายุในจีน





       ทางสถาบันคลังปัญญาฯ ได้พาคณะวิจัยจาก CAU ศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเทศบาลตำบลหนองป่าครั่ง จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะท้องถิ่นที่เป็นต้นแบบของการดูแลผู้สูงอายุ ในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ณ โรงพยาบาลเทศบาลตำบลหนองป่าครั่ง จ.เชียงใหม่ โดยมี คุณเสาวนีย์ คำปวน

ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งเเวดล้อม เทศบาลตำบลหนองป่าครั่ง ให้การต้อนรับ และให้ข้อมูลบทบาทของท้องถิ่นในการพัฒนาเด็กและผู้สูงอายุในเขตเมือง


เมืองหนองป่าครั่ง ภายใต้การบริหารของเทศบาลตำบลหนองป่าครั่ง เป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 10 กิโลเมตร ทำให้เมืองนี้ได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็วของนครเชียงใหม่ มีการก่อสร้างหอพัก ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลเอกชน และการเข้ามาของแรงงานแฝงในพื้นที่เป็นจำนวนมาก จากการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านทุกหลังคาเรือนของเจ้าหน้าที่เทศบาลพบว่า เมืองหนองป่าครั่งประสบปัญหาสังคมหลายด้าน เช่น มีผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการขาดผู้ดูแลในช่วงกลางวัน เด็กแรกเกิดที่อยู่ในความดูแลของผู้สูงอายุและเด็กจำนวนมากไม่ได้รับการพัฒนาที่เหมาะสมกับวัยเท่าที่ควร ด้วยเหตุนี้ เทศบาลตำบลหนองป่าครั่งจึงได้ตระหนักว่า “หากคนไม่เจ็บ ก็จะไม่จน” จึงกำหนดเป็นวิสัยทัศน์ของเทศบาลว่า “ประชาชนมั่งคั่ง หนองป่าครั่งมั่นคง” เป็นหลักการสำคัญในการพัฒนาเมือง โดยเน้นด้านการทำมาหากินในพื้นที่ ให้คนเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสอย่างเป็นธรรม และการพัฒนาคนในเมืองให้ได้รับการดูแลอย่างถ้วนหน้า





          แนวทางการพัฒนาเมืองสุขภาวะของเทศบาลตำบลหนองป่าครั่งได้ถูกขับเคลื่อนผ่านการทำงานเชิงรุก 3 ด้าน ได้แก่  1. นโยบายด้านสาธารณสุข ผ่านโครงการปรับระบบริการสุขภาพเป็นสวัสดิการชุมชนรองรับวิถีชีวิตแบบเมืองในรูปแบบใหม่  2. นโยบายด้านการส่งเสริมอาชีพ ผ่านโครงการวิสาหกิจชุมชนนวดแผนไทย และ 3. นโยบายด้านสังคมสงเคราะห์ ผ่านโครงการศูนย์เจริญวัยเทศบาลตำบลหนองป่าครั่ง

          ท้ายที่สุดแล้ว เทศบาลตำบลหนองป่าครั่ง ทำให้เห็นว่าบทบาทของท้องถิ่นไทยมีศักยภาพในการจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการรักษาพยาบาลอย่างครอบคลุมและเป็นมืออาชีพได้ เพื่อทำให้คนในท้องถิ่นรู้สึกไม่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง อีกทั้งท้องถิ่นยังสามารถแสดงบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาทักษะแรงงานได้อีกด้วย  





ทางคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัย CAU ได้แลกเปลี่ยนว่ารู้สึกประทับใจความทุ่มเทในการทำงานของเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหนองป่าครั่งในการพัฒนาสวัสดิการดูแลคนในเมืองมานานหลายสิบปี ซึ่งแนวคิดการพัฒนาสวัสดิการสังคมมีความคล้ายกับจีนในฐานะประเทศที่ยึดแนวทางคอมมิวนิสต์ ที่เน้นสังคมนิยม รัฐสวัสดิการ แต่ในระดับท้องถิ่นและชนบทก็ยังมีช่องว่างการจัดสวัสิดการดูแลคนเมืองและชนบท ซึ่งการบริหารจัดการของเมืองหนองป่าครั่ง ทั้งการดูแลเด็กแรกเกิด การดูแลผู้สูงอายุ การสร้างอาชีพและส่งเสริมกลุ่มหมอนวด ทั้งหมดนี้ใช้เจ้าหน้าที่และงบประมาณที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับคนในเมือง สิ่งเหล่านี้เปฺ็นสิ่งที่จีนควรเรียนรู้จากไทย






 

ดู 2 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page